วัฏฏกาชาดก เป็นเรื่องของการอธิษฐานจิต
ด้วยใจที่เป็นสมาธิ ระลึกนึกถึงบุญที่เคยกระทำมาในทุก ๆ บุญ
ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จไปยังชนบทแห่งหนึ่ง
ในแคว้นมคธ พระพุทธองค์ทรงนำหมู่ภิกษุสงฆ์ไปในป่าลึก เพื่อแสวงหาที่สงบ
กระทำรุกขมูล เจริญภาวนาสู่วิถีแห่งวิโมกขธรรมดังเคยปฏิบัติแต่นานมา ขณะนั้นบริเวณป่าที่หมู่สงฆ์เจริญภาวนาอยู่นั้น ได้เกิดไฟไหม้ลุกลามขึ้นจากแนวไฟเล็กน้อย
เพิ่มบริเวณเป็นมหันตภัยเป็นบริเวณกว้าง
และในเวลาไม่ช้าไฟป่าก็โหมเข้าล้อม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและภิกษุทั้งหลายไว้โดยรอบ
มิเห็นช่องทางจะออกมาได้เลย
ภิกษุรอบนอกได้กลิ่นควันและรู้สึกร้อนจึงพากันหยุดภาวนา
“ท่าน..ได้กลิ่นเหม็นบ้างหรือเปล่า” “ใช่ๆๆ กลิ่นเหม็นใกล้เข้ามาทุกที”
“ผิวกายนี่ร้อนผ่าวเหมือนยืนหน้าเตาไฟ เอ๊ะ!...หรือว่าไฟไหม้ป่า”
“นั่นไงท่าน ไฟลุกไหม้อยู่ทางโน้นจริง ๆ ด้วย
เร็ว ๆ เข้าหนีไปทางโน้นกันเถอะ” “นั่นเสียงใครดังอยู่ข้างนอก เอะอะโวยวายอะไรกัน”
“นั่นไฟไหม้นี่ แย่แล้ว ไฟมันลามเข้ามาทางนี้ด้วย หนีกันเถอะ” “โอ๊ะ..
แย่แล้วไฟไหม้หนีเร็ว” ในไม่ช้าพระสงฆ์ทุกรูปก็หนีมารวมกลุ่มกัน กลางวงล้อมของไฟ
ทุกรูปหวาดกลัวและมองหาทางหลบหนี
“ไฟป่าช่างน่ากลัวเกิน
แล้วนี่พวกเราจะหนีไปทางใดละนี่” “โอ้..ร้อนจริง ๆ เลย เหม็นกลิ่นควันด้วย”
“โห้..ท่านมองทางนั้นซิ ไฟลุกลามไหม้ต้นไม้ใหญ่แล้ว” “ทำยังไงดีละพวกเรา
ไฟป่าลามเข้าจะถึงตัวเราแล้ว” “ใครก็ได้ช่วยหยุดไฟป่าพวกนี้ที”
“เราช่วยกันหาอะไรมาขวางกันไว้ดีไหม อย่างน้อยไฟจะไหม้มาทางเราช้าลง”
“หยุดมันได้จริงหรือท่าน
เรานะกลัวว่ามันจะยิ่งลามเข้ามานะซิ” “ดีกว่าอยู่เฉย ๆ หรือจะเอาไฟไปจุด เพื่อให้ไฟกับไฟปะทะกัน
ก็น่าจะพอหยุดยั้งได้บ้างนะ” “ช้าก่อนเถิดพวกเรา ต้องไม่ลืมว่ากำลังตามเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้มากยิ่งในพระบารมีอยู่” “นั่นซิน่ะ พระองค์ต้องช่วยเราได้แน่ ๆ”
“ถูกแล้วเราจึงไม่ควรทำสิ่งใดโดยพละการ ดังเหมือนไม่เคารพในพระองค์
ซึ่งอุปมาว่าอยู่ภายใต้พระจันทร์และพระอาทิตย์
แต่มองไม่เห็นแสงสว่างเช่นนี้” “แล้วท่านจะให้เราทำเช่นไร ไฟลุกไหม้เข้ามาทุกทีแล้ว
หากเราไม่ทำการแก้ไข ไฟอาจจะลุกไหม้ถึงพระองค์ได้” “ไม่หรอกน่าท่าน
เราควรไปเฝ้าพระบรมศาสดา ขอพระบารมี มาดับทุกข์ร้อนครั้งนี้กันดีกว่า”
“อือ..งั้นเรารีบไปเข้าเฝ้าพระศาสดากันเถิด”
ภิกษุทั้งหลายเมื่อได้สติ
ก็พากันทำสมาธิไว้มิให้ตกใจตื่นกลัว จากนั้นก็พากันไปเฝ้าพระพุทธองค์ซึ่งประทับอยู่
ณ กึ่งกลางวงล้อมไฟป่าเช่นกัน ในตอนนั้นเปลวไฟไหม้โหมหนักขึ้น เพราะแรงลมจัด
แต่เมื่อไฟโชนเข้าไปใกล้ที่พระพุทธองค์ประทับ ทันใดนั้นไฟอันประทุโชติช่วง กลับหยุดสนิทดับสิ้น
ดุจคบเพลิงที่จุ่มลงน้ำแล้วดับวูบลง
แผ่กว้างเป็นรัศมีรายรอบประมาณ 5 เส้น
พระภิกษุทั้งหลายเห็นพระพุทธบารมีเช่นนั้น ก็พากันสรรเสริญโดยเคารพ
“ทรงมีอานุภาพนัก แม้ไฟป่าซึ่งเป็นธรรมชาติ ก็ไม่อาจไหม้มาถึงที่ประทับได้เลย”
“ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ สาธุ”
พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อได้สดับถ้อยคำดังนั้น จึงทรงระลึกชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ
เมื่อครั้งเคยผจญอัคคีในป่าใหญ่แห่งนี้ขึ้น
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่ไฟไหม้เข้ามาถึงบริเวณนี้
แล้วดับลงเองนั้น มิใช่เป็นเพราะอานุภาพของตถาคตในบัดนี้
แต่เป็นเพราะอำนาจแห่งสัตยาธิษฐานของตถาคต ในชาติก่อนโน้น และนับแต่ชาตินั้นมา ที่บริเวณนี้
ไฟจักไม่ไหม้เป็นอันขาด และจะเป็นเช่นนี้ตลอดกัป” อดีตกาล ณ
ผืนป่าใหญ่ในมคธรัฐแห่งนี้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม วัฏฏกาชาดก
ว่าด้วยการตั้งสัตยาธิษฐาน
ยังมีนกคุ่มคู่หนึ่ง สร้างรังอยู่กลางพื้นโดยมีผืนป่าโอบล้อมไว้รายรอบ
“อยู่ในนี้นะจ๊ะลูก แม่จะฟักเจ้าให้เติบโตเป็นนกที่แข็งแรง”
พ่อนกเมื่อกลับมาจากหาอาหาร ก็มาเฝ้าดูแม่นกกกไข่ทุกวัน “แม่จ๋า พ่อกลับมาแล้ว
วันนี้ลูกเป็นยังไงบ้างละจ๊ะแม่” “จวนจะออกมาจากไข่แล้วละจ๊ะพ่อ” “ฮ้า! ดีใจจังเลย
เราจะได้เห็นหน้าลูกของเราแล้วนะจ๊ะแม่” “ใช่จ๊ะพ่อ”
พ่อนกและแม่นกต่างก็ตื่นเต้น
ใจจดใจจ่อรอดูหน้าลูก แต่แล้วชะตาร้ายก็มาเยือน เมื่อวันหนึ่งมีไฟไหม้ป่า
ในวันเดียวกันนี้เอง ลูกนกคุ่มตัวน้อยก็ฟักออกจากไข่ “อึบ..อ้า..ออกมาได้แล้ว
พ่อจ๋าแม่จ๋าลูกออกมาแล้ว”
น่าสลดใจยิ่งนักพ่อนกและแม่นกได้ทิ้งลูกน้อยบินหนีไฟไปเสียแล้ว
พ่อนกแม่นกมิรู้เลยว่า ลูกน้อยที่เค้าทั้งสองเฝ้าคอยชื่นชมนั้นได้ออกมาจากไข่แล้ว
“หนีก่อนเถอะแม่ เราน่ะ
เอาลูกไปด้วยไม่ได้หรอก ลูกยังไม่ออกจากไข่เลย” “ลูกแม่ แม่ขอโทษนะลูก ฮือๆๆ”
ลูกนกคุ่มช่างน่าสงสารเพิ่งออกจากไข่แท้ๆ
ขนก็ยังขึ้นไม่เต็มตัว ปีกยังไม่กล้า ขายังไม่แข็ง
แต่ต้องเผชิญหน้ากับไฟป่าเช่นนี้ ดังถูกทิ้งให้รอความตาย “ฮือๆๆ พ่อจ๋า แม่จ๋า
ฮือๆ นี่ถ้าปีกเรามีขนพอจะบินได้ เราก็คงจะบินหนีไป ถ้าเท้าและขามีแรงพอก็จะเดินหนีไปไม่รอความตายอยู่เช่นนี้”
ลูกนกคุ่มอนาจกับชะตาชีวิตของตน มองดูร่างอันกระจ้อยร้อย ไม่มีขน ไม่มีแรงจะบิน
และเดินหนีกองไฟอันมหึมาได้ “ฮือๆๆ ดูเอาเถิด แม้แต่พ่อแม่ของเรา
ยังทิ้งเราเพื่อเอาชีวิตรอด ฮือๆ เราไม่มีที่พึ่งใดๆ อีกแล้ว ฮือๆๆ”
ด้วยอานิสงส์แห่งความดี ที่ได้ตั้งใจทำมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
ทำให้ลูกนกคุ่มคุมสติได้โดยดี ซ้ำยังระลึกถึงศีลและสัจจะได้ว่ามีอยู่จริง
มีอยู่คู่โลกตลอดมา “เมื่อไม่มีใครช่วยก็คงต้องช่วยตัวเอง”
ลูกนกคุ่มระลึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีต คุณของพระธรรม
คุณแห่งศีลที่มีอยู่ในโลกขึ้นทำสัตยาธิษฐาน
“ปีกของเรามีอยู่ แต่บินไม่ได้
เท้าทั้งสองมีอยู่ก็เดินไม่ได้ พ่อแม่เรามีอยู่แต่บินหนีไป ด้วยสัจจะวาจานี้ไฟเอ๋ย
จงถอยกลับไปเสียเถิด อย่าได้ทำอันตรายแก่เราและสัตว์ทั้งหลายเลย”
ด้วยบุญบารมีที่ลูกนกคุ่มเคยบำเพ็ญมานับภพนับชาติไม่ถ้วน และด้วยแรงอธิษฐานนี้
ลูกนกคุ่มทำใจให้ใสบริสุทธิ์ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
ระลึกถึงบุญบารมี คุณแห่งศีลและสัจจะของตนที่เคยกระทำมา ก่อนที่จะทำสัตยาธิษฐาน เปลวไฟที่ลุกไล่เข้ามาจึงดับสนิทลงทันทีทันใด
และด้วยแรงอธิษฐานนั้นป่าในรัศมีห้าเส้นจากรังนกคุ่มบริเวณนี้
จึงมิเคยมีอันตรายจากไฟป่า แม้แต่สักครั้งสืบมาจนถึงพุทธกาลสมัย
เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้ว พระพุทธองค์ทรงแสดงอริยะสัจ 4_โดยเอนกปริยาย
ด้วยแรงอธิษฐานของลูกนกคุ่มทำให้ไฟป่ามอดดับลงอย่างอัศจรรย์
ภิกษุในที่นั้นบังเกิดความปรีดาปราโมทย์ ต่อการสดับพระธรรมนั้น
เข้าถึงกายธรรมอันลุ่มลึกโดยทั่วถ้วน
ในสมัยพุทธกาลพ่อแม่ของลูกนกคุ่ม
กำเนิดเป็นพระเจ้าสุทโธธนะและพระนางสิริมหามายา
พระพุทธบิดาพระพุทธมารดา
ลูกนกคุ่ม
เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า
Cr.dmc.tv
ในภาวะปัจจุบันได้เกิดภัยพิบัติจากธรรมชาติ และโรคระบาดไวรัสโควิด –
19 ไปทั่วโลก ทำให้มีผู้คนเจ็บป่วยล้มตายเป็นจำนวนมาก
ด้วยสาเหตุมนุษย์ทั่วโลกบุญในตนหย่อน เพราะต่างดำเนินชีวิตด้วยความประมาท
ขาดในการเข้าวัดสั่งสมบุญสร้างความดี ปฏิบัติตนย่อหย่อน วัดก็ไม่เข้า
ศีลก็ไม่รักษา ประพฤติตนแก่งแย่งชิงดีและเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ภาวนาก็ไม่ปฏิบัติ
ปล่อยให้ใจพอกพูนไปด้วยกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง หลงใหลมัวเมาในลาภสักการะ
ไม่คิดที่จะละ และขัดเกลากิเลสในตนให้เบาบาง
โลกใบนี้จะร่มเย็นเป็นสุข สิ่งดี ๆ
นี้จะเกิดขึ้นได้เราทุกคนบนโลกใบนี้ ควรร่วมด้วยช่วยกัน เพราะลำพังเราผู้เดียวไม่สามารถจะช่วยโลกใบนี้ได้ เราทุกคนบนโลกใบนี้ยังมีลมหายใจ
เราก็ยังมีความหวังที่จะช่วยโลกใบนี้ให้ปลอดภัยจาก ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ภัยจากภูเขาไฟประทุที่ มาราปีประเทศอินโดนีเซีย และภัยจากไวรัสโควิด – 19 ที่ระบาดไปทั่วโลก ณ เวลานี้
เพียงเราทุกคนตั้งสติ นึกถึงบุญนึกถึงคุณพระรัตนตรัย ซึ่งมีคุณอันไม่มีประมาณ นึกถึงสัจจะคุณความดีที่พวกเราทุกคน ได้ตั้งใจกระทำมาด้วยดีนับภพนับชาติไม่ถ้วนที่ผ่านมาในอดีตชาติ
และบุญบารมีที่พวกเราทุกคนทั่วโลก
ได้ร่วมกันต้อนรับพระธรรมยาตรา(ออนไลน์) ครั้งที่ 9
ผ่าน Application Zoom
เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาและบูชาคุณมหาปูชนียาจารย์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่
2 มกราคม 2564 จนถึงบัดนี้
โปรดดลบันดาลให้โลกใบนี้ เป็นโลกแก้วสะอาดสว่างไสวด้วยแสงแห่งธรรม ขจัดทุกข์โศกโรคภัย เชื้อไวรัส โควิด -19 ให้มลายหายสูญไปจากโลกแก้วใบนี้อย่างอัศจรรย์
สุดท้ายนี้ เหลือเวลาอีก 2 วันก็จะสิ้นสุดโครงการธรรมยาตรา(ออนไลน์) ครั้งที่ 9 ผ่าน Zoom ขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมต้อนรับพระธรรมยาตรา
1,250 รูป ในวันเสาร์ที่ 30 มกราคม
พ.ศ. 2564 ตั้งแต่เวลา 15.30 น. และร่วมจุดโคมประทีปบูชาธรรม
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) พระผู้ปราบมาร ในวันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2564 ตั้งแต่เวลา 17.30 น.
ปรารถนาให้โลกเป็นเช่นใด
อยู่ที่สองมือเราและทุกคนบนโลกใบนี้ร่วมรังสรรค์
ขอกราบอนุโมทนาบุญมา
ณ โอกาสนี้ สาธุค่ะ
เอ๋ จินตนา
ชาดก 500 ชาติ เรื่อง วัฏฏกาชาดก
ภาพประกอบ dmc.tv
ร่วมต้อนรับพระธรรมยาตรา (ออนไลน์)ได้ที่ลิงค์ : www.dmc.tv/2564
รายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ลิงค์นี้ : www.dmc.tv/zoom